1 เดือน ก่อนวันแต่งงาน ควรเตรียมตัวและวางแผนเรื่องอะไรกันบ้าง
สำหรับผู้ที่กำลังเตรียมพร้อมเข้าสู่งานวิวาห์ ควรมีการเริ่มต้นวางแผนเพื่อจะจัดงานตั้งแต่ 3 เดือนไปจนถึง 1 ปี เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในหลากหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของงบประมาณ แต่ถ้าใครต้องการเตรียมตัวแต่งงานในเร็ววันนี้ มีความพร้อมแล้วที่จะเคียงคู่สู่งานแต่งจริง ขอแนะนำการเตรียมความพร้อมก่อนแต่งงานประมาณ 1-3 เดือน ที่ควรจะต้องมีการเตรียมวางแผนต่าง ๆ ให้เรียบร้อยและตอบโจทย์ที่สุด เพื่อวันจัดงานที่จะเป็นไปอย่างราบรื่น
เรื่องควรรู้! 1 เดือนก่อนถึงวันงานแต่ง ควรเตรียมตัวและวางแผนอะไรบ้าง
ช่วงระยะเวลา 1 เดือนก่อนถึงวันแต่งงานจริง ถือว่าเริ่มมีความกระชั้นชิดของเวลามากพอสมควร ดังนั้นคู่บ่าวสาวจึงควรเตรียมความพร้อมและวางแผนต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของทั้งคู่ เพราะโดยการเตรียมงาน, การจ้าง Wedding, การถ่ายพรีเวดดิ้งต่าง ๆ ควรจะต้องมีการเตรียมตั้งแต่ก่อนหน้า 2-3 เดือนไว้แล้ว ส่วนช่วง 1 เดือนที่เหลือ จึงควรเป็นช่วงของการดูแลความพร้อมในเรื่องส่วนตัว ดังนี้
1.เตรียมร้านแต่งหน้า-ทำผม
เรื่องแรกคือการเตรียมความพร้อม ด้วยการจองร้านแต่งหน้าและทำผมเจ้าบ่าวกับเจ้าสาว ๆ ให้เรียบร้อย โดยเฉพาะกับร้านที่ได้รับความนิยมเกี่ยวกับการแต่งหน้าและทำผมที่มีชื่อเสียง ควรทำการจองล่วงหน้าไว้ก่อน 1 เดือน และมีการกำชับทางร้านให้จดรายละเอียดของแผนไว้ให้ชัดเจน เพื่อทำให้ถึงงานวันจริงแล้วจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาการผิดคิวแต่อย่างใด
2.เตรียมชุดแต่งงาน
การเตรียมชุดแต่งงานมีความสำคัญอย่างมาก โดยจะต้องเตรียมก่อนล่วงหน้า 1-2 เดือน และบางคู่อาจจะเตรียมยาวตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปีเลยทีเดียว เพียงแต่ในช่วงก่อนถึงวันงาน 1 เดือน จะต้องได้แบบชุดที่เป็นชุดหลักภายในงานแล้ว พร้อมการทดลองใส่และการตรวจสอบดูความเรียบร้อยของชุด ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พร้อมการจองชุดกับทางร้านไว้ให้เรียบร้อย เพื่อทำให้การรับชุดแต่งงานเป็นไปอย่างถูกต้อง
3.เตรียมความงาม
เรื่องของความงาม ผิวพรรณ ใบหน้า และทุกส่วนของคู่บ่าวสาว ที่จะต้องมีความโดดเด่นที่สุดภายในงาน เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน ดังนั้นจึงจะมีการจัดคอร์สเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ที่เป็นการทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและสดใส เมื่อถึงวันงานแต่งจะทำให้เจ้าสาวสวยที่สุดในงานและเจ้าบ่าวดูหล่อเหมาะสมกับเจ้าสาว ซึ่งถ้าคุณมีงบประมาณในเรื่องนี้ ควรเตรียมพร้อมก่อนแต่งงาน 1 เดือน และทำอย่างต่อเนื่อง เมื่อถึงวันงานแล้วคู่บ่าวสาวจะเด่นที่สุดแน่นอน
4.เตรียมเคลียร์งาน
การเตรียมเคลียร์งาน เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องทำภายในระยะเวลา 1 เดือนก่อนถึงวันแต่งงานจริง พร้อมการแจ้งทางหัวหน้างานหรือเจ้านายไว้ให้เรียบร้อย และมีการลาล่วงหน้าไว้ด้วย เพื่อทำให้ถึงวันแต่งงานจริงคุณจะได้ไม่ต้องรู้สึกเครียดหรือกังวลใด ๆ กับงานที่ยังคงคั่งค้างอยู่ หรือในขณะแต่งงานอาจจะโดนโทรตามให้รู้สึกวุ่นวายใจได้
5.จ้างเวดดิ้งแพลนเนอร์
ถ้าคุณต้องการให้ทุกเรื่องเกี่ยวกับการแต่งงาน เป็นเรื่องที่ง่าย สะดวกแ ละคุณไม่ต้องยุ่งยากมากนัก ขอแนะนำการจ้าง Wedding Planner กลุ่มผู้ให้บริการที่จะจัดการทุกเรื่องเกี่ยวกับงานแต่งให้คุณ พร้อมการวางแผนงานแต่งไว้ให้เรียบร้อย โดยที่ตัวเองไม่ต้องรู้สึกสับสนหรือวุ่นวายใด ๆ คุณควรเลือกผู้ที่มีประสบการณ์มาทำงานล่วงหน้า 1 เดือน เพื่อการเตรียมความพร้อมในเรื่องต่าง ๆ โดยทางผู้เป็น Wedding Planner จะจัดการให้คุณทั้งหมด จึงทำให้คู่บ่าวสาวรู้สึกสบายใจก่อนถึงวันงานได้ดีแน่นอน
เรื่องที่ควรเตรียมช่วง 3-6 เดือน
เรื่องที่คุณควรเตรียมตัวในช่วง 3-6 เดือน คือ การจัดทำการ์ดแต่งงานแจกล่วงหน้า เพื่อทำให้คุณมีเวลาในการลิสต์รายชื่อแขกผู้มาร่วมงานได้อย่างครบถ้วน พร้อมทำให้ผู้ที่มีรายชื่อมางานได้รับรู้ไว้ก่อนและจะได้เคลียร์เวลา เพื่อมางานของคุณได้ง่ายมากขึ้น รวมไปถึงการเลือกของชำร่วยงานแต่ง ที่คุณควรเริ่มทำตั้งแต่ช่วง 3-6 เดือนเช่นกัน เพื่อที่คุณจะได้มีเวลาในการเลือกของที่จะโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ที่สุด นอกจากนี้การเตรียมความพร้อมเรื่องของแหวนแต่งงาน สินสอด การจองสถานที่ การจองอาหารจัดเลี้ยงต่าง ๆ ควรอยู่ในช่วงเวลานี้ด้วยเช่นกัน เพื่อทำให้คุณมีเวลาเพียงพอที่จะเลือกได้อย่างตรงใจที่สุด
การเตรียมความพร้อมเรื่องของงานแต่งเป็นเรื่องสำคัญมาก ดังนั้นทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวควรทำร่วมกันตัดสินใจคู่กัน เพื่อทำให้ได้งานที่สามารถสร้างความสุขและถูกใจคุณทั้งคู่ โดยที่จะไม่ทำให้คุณต้องมานั่งทะเลาะกันในภายหลัง ดังนั้นถ้าคุณต้องการรู้ว่า 1 เดือนก่อนวันแต่งงาน ควรเตรียมตัวและวางแผนอย่างไร สามารถทำตามคำแนะนำข้างต้นได้เลย
งบแต่งงานจัดการยังไงไม่ให้บานปลาย
1 เดือนก่อนถึงวันแต่งงานจะต้องวางแผนเตรียมตัวให้พร้อม ถามว่าระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนเยอะไหม บอกเลยว่ากระชั้นชิดมาก แทบไม่มีเวลาเตรียมตัวเลย จริงๆ เราต้องเตรียมวางแผนตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าจะมีงานแต่งงาน หรือประมาณ 1 ปีหลังจากที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ อาจมีการจัดพิธีหมั้นหมายขึ้นก่อน การจัดงานแต่งงานสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ งบประมาณ จัดงานแต่งจัดการงบประมาณยังไงไม่ให้บานปลาย เรามีเทคนิคดีๆ มาบอก
1.กำหนดงบประมาณไว้ก่อน
ขั้นตอนแรกต้องตั้งงบประมาณไว้ก่อน งบจะใช้มากหรือน้อยขึ้นอยู่ขนาดการจัดงาน เป็นงานแต่งขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ มีแขกที่มาร่วมงานแต่งมีทั้งหมดกี่คน เช่น วางแผนไว้ว่าจะเชิญแขกมาร่วมงานไม่เกิน 200 คนอาจตั้งงบไว้ประมาณ 500,000 บาท แบ่งออกเป็นค่าจัดงาน ค่าชุดแต่งงาน เครื่องประดับ ต้องมานั่งลิสต์ดูว่าแต่ละส่วนต้องใช้งบเท่าไหร่ เผื่องบไว้หน่อยก็ดี
2.คอนเนคชั่นสำคัญมาก
การมีคอนเนคชั่นเป็นเรื่องสำคัญมาก คุณอาจได้ส่วนลดต่างๆ มากมายช่วยประหยัดงบประมาณในการจัดงานแต่งได้เยอะเลยทีเดียว เช่น การมีเพื่อนเป็นช่างภาพ ช่างแต่งหน้า ทำผม กราฟฟิกดีไซน์เนอร์ช่วยออกแบบการ์ดงานแต่ง หรือมีคนรู้จักเป็นออแกไนเซอร์รับจัดงาน จัดดอกไม้ เป็นต้น
3.ซื้อแพคเกจจัดงานแต่ง
ในกรณีที่คุณต้องเช่าสถานที่สำหรับจัดงานแต่งงาน แนะนำให้ซื้อแพคเกจคุ้มกว่าซึ่งครอบคลุมทั้งในเรื่องของสถานที่จัดงาน อาคาร เครื่องดื่ม พ่อครัว แม่ครัว เด็กเสิร์ฟ การตกแต่งสถานที่ พิธีกร ฯลฯ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าการจัดงานเอง แถมยังไม่ต้องมานั่งปวดหัวคิดงาน จัดการวางแผนทุกอย่างเองด้วย
4.ซื้อแพคเกจชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็นชุดในพิธีหรือชุดสำหรับถ่ายพรีเวดดิ้ง ไม่จำเป็นต้องซื้อ เช่าชุดแต่งงานช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลย หรือถ้ากังวลว่า ชุดแต่งงานจะมีขนาดไม่พอดีกับรูปร่าง รวมถึงอยากได้ดีเทลเพิ่มเติม ก็สามารถสั่งเช่าตัดชุดแต่งงานได้และถ้าจะให้ดี ซื้อแพคเกจชุดแต่งงานไปเลย อย่าง Deeplove มีแพคเกจชุดแต่งงานให้เลือกถึง 3 แพคเกจ
- โปรโมชั่น 39,900 ได้ชุดเจ้าบ่าวและชุดเจ้าสาววันพิธี 2 ชุด แพคเกจนี้รวมถ่ายพรีเวดดิ้งแล้ว
- โปรโมชั่น 25,900 ได้ชุดเจ้าบ่าวและชุดเจ้าสาววันพิธี 1 ชุด
- โปรโมชั่น 12,900 แพคเกจสำหรับถ่ายพรีเวดดิ้ง
การวางแผนก่อนถึงวันจัดงานแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ ที่ไม่ควรละเลย โดยเฉพาะการเตรียมงบประมาณให้พร้อมเพราะงบประมาณคือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อน เจ้าบ่าวและเจ้าสาวอาจต้องแยกบัญชีเก็บเงิน สำหรับงานแต่งงานออกมาต่างหาก ไม่เอาไปปะปนกับบัญชีส่วนตัว ทันทีที่เริ่มวางแผนอนาคตร่วมกันให้เริ่มเก็บเงินเลยตั้งแต่ตอนนั้น เผื่องบไว้สักเล็กน้อยจะได้ไม่มีปัญหาในกรณีที่งบบานปลาย